สวัสดีชาว bro.game ทุกคน ถ้าพูดถึงเกมซอมบี้ที่มอบประสบการณ์หลอน มันส์ และอะดรีนาลีนพุ่งพล่านจากการที่ต้องวิ่งหนีซอมบี้สุดชีวิต ชื่อของ Dying Light ย่อมผุดขึ้นมาในหัวของเพื่อนๆ กันอย่างแน่นอน เพราะนี่ไม่ใช่แค่เกมซอมบี้ทั่วไป แต่คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการเอาชีวิตรอดสุดระทึกกับระบบ Parkour ที่ให้อิสระในการเคลื่อนไหวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นฮีโร่ผู้รอดชีวิตในโลกที่ล่มสลายจริงๆ

และคราวนี้ Techland ผู้พัฒนาเกมระดับตำนาน กำลังจะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์ที่เข้มข้นและดุเดือดกว่าเดิมกับ Dying Light: The Beast เกมภาคใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นรูปแบบ เกมสแตนด์อโลน (Standalone) โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าโปรเจกต์นี้จะเริ่มต้นจากการเป็นส่วนเสริมของ Dying Light 2 แต่ด้วยแนวคิดและขนาดของเกมที่ใหญ่จนเกินกว่าจะเป็นแค่ DLC ทางผู้พัฒนาจึงยกระดับให้มันกลายเป็นเกมภาคใหม่เต็มตัว ที่พวกเขาถึงกับเรียกว่า "Dying Light 3" เลยทีเดียว

13 ปีแห่งการกลายพันธุ์ของ Kyle Crane

Dying Light: The Beast ไม่ใช่แค่การกลับมาของเกมซอมบี้ที่เราคุ้นเคย แต่มันคือการกลับมาของ Kyle Crane ที่หายสาบสูญไปนับตั้งแต่เหตุการณ์ใน Dying Light: The Following หลังจากนั้นกว่า 13 ปี เขาถูกกลุ่มลึกลับที่เรียกว่า The Baron จับตัวไปทำการทดลอง จนทำให้ DNA ของเขาเกิดการกลายพันธุ์ เขาต้องต่อสู้กับ "อสูร" ที่อยู่ภายในตัวเอง ที่เป็นผลจากการที่ร่างของเขากลายเป็นซอมบี้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ต้องออกตามล่าและชำระแค้นชายที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้

โลกที่เราจะเข้าไปสำรวจคือ Castor Woods ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทและแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝูงซอมบี้และปริศนามากมายที่รอให้เราไปค้นหา

ระบบ Gameplay ที่โหดและท้าทายยิ่งกว่าเดิม

สำหรับเกมเพลย์ในภาคนี้ ยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์ Dying Light เอาไว้อย่างครบถ้วน แต่ได้เพิ่มมิติและความดุดันเข้าไปอีกขั้น

1. ปล่อยพลังอสูรทำลายล้างด้วย Beast Mode

นี่คือกลไกหลักที่ทำให้ภาคนี้แตกต่างจากภาคก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง โดยเมื่อเราต่อสู้, หลบหลีก หรือรับความเสียหาย เกจ Beast Mode จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อเกจเต็ม เราจะสามารถแปลงร่างเป็น "อสูร" ได้ชั่วขณะ ซึ่งมอบพลังโจมตีที่รุนแรง ฟันศัตรูขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย และยังช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของเราอีกด้วย การบริหารจัดการโหมดนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการรอดชีวิต

2. Parkour และยานพาหนะ

• ระบบ Pakour

การเคลื่อนไหวแบบ Parkour ยังคงเป็นหัวใจหลักของเกม แต่จะมีความดิบและดุดันยิ่งขึ้น การวิ่งบนหลังคา การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และการใช้สภาพแวดล้อมเพื่อเอาตัวรอด ยังคงทำได้อย่างอิสระตามแบบฉบับเดิม

• ยานพาหนะกลับมาแล้ว

ข่าวดีคือเกมนี้ได้นำระบบการขับรถกลับมาอีกครั้ง เราสามารถขับรถ 4x4 ทะลวงฝูงซอมบี้ไปได้ทั่วทั้งแผนที่ ซึ่งเป็นวิธีที่สำคัญในการสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่ของ Castor Woods

3. การพัฒนาและคราฟต์อาวุธ

• การพัฒนาตัวละคร

มีระบบเลเวลและสกิลที่หลากหลายให้เราได้เลือกอัปเกรดตามสไตล์การเล่น ทั้งสาย Agility (เพิ่มความสามารถด้าน Parkour), Power (เพิ่มความสามารถด้านการต่อสู้), และ Survival (เพิ่มความสามารถในการเอาตัวรอดและการขับรถ)

• อาวุธและอุปกรณ์

อาวุธปืนกลับมามีบทบาทสำคัญในภาคนี้ พร้อมกับอาวุธระยะประชิดที่หลากหลาย และยังมีระบบการคราฟต์อาวุธและอุปกรณ์ใหม่ๆ ให้เราได้สร้างสรรค์เพื่อรับมือกับซอมบี้สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่โหดเหี้ยมกว่าเดิม

Dying Light: The Beast เหมาะกับผู้เล่นแบบไหน

Dying Light: The Beast เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเกมแนวเอาตัวรอดในโลกซอมบี้ที่มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเป็นอิสระ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้เล่นที่คิดถึง Kyle Crane และอยากรู้เรื่องราวของเขาที่หายไปจากภาค 2 อีกด้วย เกมนี้จะมอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและท้าทาย ตั้งแต่การสำรวจไปจนถึงการต่อสู้ที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ

เล่น Dying Light: The Beast ได้แล้วบน GeForce NOW

ข่าวดีสุดๆ สำหรับชาว bro.game ตอนนี้ Dying Light: The Beast พร้อมให้สตรีมเล่นบน GeForce NOW แล้ว คุณสามารถดำดิ่งสู่โลกของเกมนี้ได้แบบจัดเต็มด้วยกราฟิกและประสิทธิภาพระดับสูง โดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่อง PC สเป็กแรง

สัมผัสประสบการณ์ความสยองขวัญและแอ็กชันแบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบน PC, Mac, มือถือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตที่เสถียร ก็พร้อมลุยในโลกของ Dying Light ได้ทันที

เล่นได้ทุกที่ มันส์ได้ทุกจอไปกับ GeForce NOW Powered by bro.game สมัครได้แล้ววันนี้ >> คลิกเลย